แฟรนไชส์ vs เชนสโตร์ ขยายธุรกิจร้านกาแฟแบบไหนเหมาะที่สุด ?
การขยายธุรกิจร้านกาแฟเป็นหนึ่งในแนวทางการเติบโตที่เจ้าของร้านกาแฟหลายคนใฝ่ฝัน แต่การจะเลือกแนวทางขยายธุรกิจที่เหมาะสมไม่ใช่เรื่องง่าย การเลือกขยายร้านกาแฟเป็น แฟรนไชส์ หรือ เชนสโตร์ มีข้อดีและข้อเสียที่ต่างกัน การเข้าใจในรูปแบบธุรกิจทั้งสองนี้ให้ชัดเจนจะช่วยให้คุณเลือกเส้นทางที่ตอบโจทย์ธุรกิจมากที่สุด มาดูกันว่าทางเลือกไหนเหมาะสำหรับการขยายธุรกิจร้านกาแฟในแบบของคุณ
การขยายธุรกิจร้านกาแฟแบบ”แฟรนไชส์”คืออะไร ?
แฟรนไชส คือการที่เจ้าของแบรนด์มอบสิทธิ์ให้บุคคลอื่นหรือธุรกิจอื่น ใช้แบรนด์และระบบการทำงานที่มีอยู่แล้วในการดำเนินกิจการร้านกาแฟ ซึ่งแฟรนไชส์ซีต้องเสียค่าธรรมเนียมในการซื้อสิทธิ์เพื่อใช้ชื่อแบรนด์ วิธีการดำเนินธุรกิจ และสูตรลับที่สร้างสรรค์ความแตกต่างให้ร้านกาแฟ เช่น ค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์รายปี, ค่าส่วนแบ่งจากยอดขาย หรือค่าบริการการอบรมต่าง ๆ
ข้อดีของการขยายธุรกิจร้านกาแฟแบบแฟรนไชส์
ช่วยลดต้นทุนและความเสี่ยงในการขยายธุรกิจ แฟรนไชส์ซีเป็นผู้ลงทุนในการขยายร้านและเปิดสาขาใหม่ ทำให้คุณไม่ต้องแบกรับต้นทุนและความเสี่ยงในการขยายธุรกิจเองเต็มที่
- ขยายตัวได้อย่างรวดเร็ว เพราะมีหลายคนที่ต้องการร่วมเป็นแฟรนไชส์ซี่ ทำให้สามารถขยายสาขาได้หลากหลายพื้นที่ในเวลาอันสั้น
- สร้างรายได้ประจำจากค่าธรรมเนียม แฟรนไชส์ช่วยสร้างรายได้ประจำจากค่าธรรมเนียมต่างๆ รวมถึงส่วนแบ่งยอดขายที่แฟรนไชส์ซีต้องจ่ายให้
ข้อเสียของการขยายธุรกิจร้านกาแฟแบบแฟรนไชส์
- ความยากในการควบคุมมาตรฐาน การเปิดร้านกาแฟเป็นแฟรนไชส์นั้นหมายความว่าคุณจะต้องพึ่งพาแฟรนไชส์ซีในการรักษามาตรฐานการบริการและคุณภาพของสินค้า ซึ่งอาจเป็นเรื่องที่ท้าทาย
- ผลกระทบต่อชื่อเสียงของแบรนด์ หากแฟรนไชส์ซีใดๆ ไม่สามารถให้บริการที่มีคุณภาพหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐาน อาจส่งผลเสียต่อชื่อเสียงของแบรนด์ทั้งหมด
- ความท้าทายในการหาผู้ร่วมธุรกิจที่เหมาะสม การเลือกแฟรนไชส์ซีที่มีคุณภาพและมีความเข้าใจในธุรกิจร้านกาแฟต้องใช้เวลาและความตั้งใจสูง
การขยายธุรกิจร้านกาแฟแบบ”เชนสโตร์”คืออะไร ?
เชนสโตร์ คือการขยายธุรกิจร้านกาแฟที่บริษัทแม่เป็นผู้ลงทุนและบริหารเองทุกสาขา แต่ละร้านจะมีการดำเนินงานภายใต้การจัดการของบริษัทหลักทั้งหมด การขยายแบบเชนสโตร์ทำให้บริษัทสามารถควบคุมมาตรฐานของสินค้าและบริการได้อย่างเข้มงวดในทุกสาขา
ข้อดีของการขยายธุรกิจร้านกาแฟแบบเชนสโตร์
- ควบคุมคุณภาพได้เต็มที่ การเปิดร้านในรูปแบบเชนสโตร์ทำให้คุณสามารถควบคุมมาตรฐานของสินค้าและบริการได้อย่างเต็มที่ทุกสาขา
- ภาพลักษณ์ของแบรนด์สม่ำเสมอ ทุกสาขาของร้านกาแฟเชนสโตร์มีความเป็นเอกลักษณ์และสอดคล้องกันทั้งด้านการตกแต่ง บรรยากาศ และการให้บริการ ทำให้ลูกค้ามีความมั่นใจในแบรนด์
- สร้างความน่าเชื่อถือ การเปิดร้านเป็นเชนสโตร์ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า เพราะสาขาทั้งหมดเป็นของบริษัทแม่และมีการดูแลจัดการโดยตรง
ข้อเสียของการขยายธุรกิจร้านกาแฟแบบเชนสโตร์
- ต้นทุนในการขยายสูง บริษัทต้องรับผิดชอบเรื่องการลงทุนทั้งหมด ตั้งแต่การเช่าพื้นที่ไปจนถึงการจ้างพนักงาน ทำให้มีต้นทุนสูงกว่าการขยายแบบแฟรนไชส์
- การขยายตัวอาจช้ากว่าแฟรนไชส์ เนื่องจากการลงทุนและการบริหารจัดการต้องมาจากบริษัทเองทั้งหมด ทำให้การขยายตัวไปในพื้นที่ต่างๆ อาจช้ากว่าแฟรนไชส์
- ต้องจัดการและดูแลทุกด้าน การขยายธุรกิจในรูปแบบเชนสโตร์ต้องการทีมงานและการจัดการที่เข้มงวดทุกด้าน ทั้งเรื่องการฝึกอบรม การตลาด และการดำเนินงานภายในสาขา
เปรียบเทียบการขยายธุรกิจร้านกาแฟแบบ”แฟรนไชส์ VS เชนสโตร์”
- เปรียบเทียบด้านต้นทุน
การขยายร้านกาแฟแบบแฟรนไชส์มีต้นทุนการขยายที่ต่ำกว่ามาก เนื่องจากแฟรนไชส์ซี่เป็นผู้ลงทุนหลัก ซึ่งช่วยลดภาระทางการเงินของเจ้าของแบรนด์ แต่สำหรับเชนสโตร์ เจ้าของบริษัทแม่ต้องแบกรับต้นทุนทั้งหมด ซึ่งต้องการทรัพยากรที่มากขึ้น
- เปรียบเทียบด้านการควบคุมคุณภาพ
การควบคุมคุณภาพถือเป็นข้อได้เปรียบของเชนสโตร์ บริษัทแม่สามารถควบคุมการบริการและมาตรฐานสินค้าได้ทั้งหมด ซึ่งอาจทำได้ยากกว่าในระบบแฟรนไชส์ เนื่องจากแฟรนไชส์ซี่มีอิสระในการบริหารจัดการในระดับหนึ่ง
- เปรียบเทียบด้านความเสี่ยง
ในระบบแฟรนไชส์ เจ้าของแบรนด์สามารถแบ่งเบาความเสี่ยงได้บางส่วน เนื่องจากแฟรนไชส์ซี่เป็นผู้ลงทุนเอง ในขณะที่เชนสโตร์มีความเสี่ยงสูงเพราะบริษัทแม่ต้องรับผิดชอบการลงทุนทั้งหมด
เลือกการขยายธุรกิจร้านกาแฟแบบไหนที่เหมาะกับคุณ ?
การตัดสินใจเลือกระหว่างการขยายร้านกาแฟแบบแฟรนไชส์หรือเชนสโตร์นั้นควรพิจารณาจากปัจจัยหลายประการ
1. เป้าหมายในการขยายธุรกิจ
- หากคุณต้องการขยายธุรกิจอย่างรวดเร็วและลดความเสี่ยงด้านการลงทุน แฟรนไชส์อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่า
- แต่ถ้าคุณให้ความสำคัญกับการควบคุมคุณภาพและต้องการสร้างภาพลักษณ์ที่แข็งแกร่ง เชนสโตร์จะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
2. ความพร้อมด้านการลงทุนและการบริหารจัดการ
- การขยายแบบเชนสโตร์ต้องใช้ทรัพยากรทางการเงินและทีมงานที่พร้อมในการดูแลทุกสาขา ดังนั้นหากคุณมีทุนเพียงพอ เชนสโตร์จะช่วยให้คุณควบคุมแบรนด์ได้มากขึ้น
- หากคุณต้องการหลีกเลี่ยงการลงทุนสูง แฟรนไชส์สามารถช่วยกระจายความเสี่ยงได้ดี
3. ความสามารถในการจัดการและควบคุมมาตรฐาน
- การขยายร้านกาแฟแบบแฟรนไชส์ต้องมีระบบการอบรมและควบคุมคุณภาพที่ดีเพื่อรักษามาตรฐาน ดังนั้นหากคุณมีระบบการจัดการที่ดี แฟรนไชส์ก็สามารถทำได้ดีเช่นกัน
- หากคุณต้องการรักษาความสม่ำเสมอในทุกสาขา และให้ความสำคัญกับประสบการณ์ของลูกค้าในแต่ละสาขา เชนสโตร์จะตอบโจทย์ได้ดีกว่า
ทั้งการขยายธุรกิจร้านกาแฟแบบแฟรนไชส์และเชนสโตร์ มีข้อดีและข้อเสียที่ต่างกัน ขึ้นอยู่กับว่าคุณมีความพร้อมและเป้าหมายในการขยายธุรกิจอย่างไร หากคุณต้องการขยายธุรกิจให้เร็วและลดความเสี่ยง การเปิดแฟรนไชส์เป็นทางเลือกที่ดี แต่หากคุณต้องการรักษามาตรฐานและสร้างภาพลักษณ์ที่สม่ำเสมอ การเปิดเชนสโตร์จะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าได้มากขึ้น
ไม่ว่าจะเลือกรูปแบบใด สิ่งสำคัญคือการวางแผนให้รอบคอบและคำนึงถึงความต้องการของตลาด เป้าหมายในการขยายธุรกิจ และทรัพยากรที่คุณมี การทำธุรกิจร้านกาแฟให้ประสบความสำเร็จต้องอาศัยความใส่ใจในทุกขั้นตอน พร้อมปรับตัวและเรียนรู้จากประสบการณ์ในแต่ละรูปแบบที่คุณเลือก เลือกวิธีขยายธุรกิจที่เหมาะกับความเป็นตัวคุณและตอบโจทย์ลูกค้าของคุณให้มากที่สุดก็พอแล้ว เพราะไม่ว่าจะเลือกแบบไหน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ “คุณภาพ” ของกาแฟและการบริการที่จะทำให้ลูกค้ารู้สึกประทับใจในทุกครั้งที่มาเยือน
บทความที่เกี่ยวข้อง
- 7 ข้อต้องรู้ ก่อนเป็นเจ้าของธุรกิจ สร้างแบรนด์ที่ใช่
- เจาะตลาดแฟรนไชส์ เครื่องดื่ม และแฟรนไชส์ที่เป็นที่นิยมในไทย
- ก่อนเปิดร้านกาแฟต้องรู้ 5 ข้อช่วยเพิ่มยอดขายให้กับร้านชากาแฟ
- รู้ก่อนทำ ขยายธุรกิจแฟรนไชส์ มีข้อดี-ข้อเสียอะไรบ้าง ?
ซึ่ง Bluemocha สามารถตอบโจทย์เหล่านี้ได้อย่างลงตัว การเลือกวัตถุดิบชาคุณภาพสูงจาก โรงงานผลิตชา Bluemocha เราเป็นแหล่งขายวัตถุดิบผงชาให้กับร้านกาแฟ, ร้านชานมไข่มุก, ร้านน้ำชง และจำหน่ายผงชาในราคาปลีก-ราคาส่ง ที่มีสินค้าพร้อมจัดส่งทันที รวมถึงการรับผลิตชา OEM&ODM, ผลิตชาให้กับแฟรนไชส์, รับทำแบรนด์ชา, ขายผงชาราคาโรงงานให้กับอุตสาหกรรมที่ต้องใช้ในการผลิต ตลอดจนไปถึงการส่งออกผงชาไปต่างประเทศ ผลิตชาให้กับผู้ที่ต้องการทำแบรนด์ชาในต่างประเทศ เพราะทุกเรื่องชาต้องปรึกษา Bluemocha ไม่ว่าจะเปิดร้านขนาดเล็ก หรือธุรกิจขนาดใหญ่ โรงงานผลิตชา OEM ให้คำปรึกษาสำหรับผู้ที่ไม่มีประสบการณ์ อยากทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับชา
การเริ่มต้นทำธุรกิจในผู้ที่ไม่มีประสบการณ์นั้นถือว่าค่อนข้างยาก และสำหรับผู้ที่ต้องการอยากเริ่มทำธุรกิเกี่ยวกับผงชา ไม่ว่าจะนำไปจำหน่ายต่อ ทำแบรนด์สินค้า เปิดแฟรนไชส์ เรายินดีให้คำปรึกษา พร้อมสนับสนุน เพื่อให้คุณสามารถเริ่มต้นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับผงชาได้อย่างเป็นมืออาชีพ หรือหากคุณไม่ต้องการเริ่มต้นในการสั่งผลิตชา แต่ต้องการผงชาในราคาที่ถูกพิเศษ ทางบลูมอคค่าเรามีเรทราคาส่งเริ่มต้นที่ 6 กิโลกรัมขึ้นไป (เฉพาะสินค้าที่มีอยู่แล้ว) เพื่อให้คุณได้รับต้นทุนผงชาที่ถูกลง
Bluemocha มีสินค้าให้ได้เลือกใช้กันมากกว่า 40 รายการ อาทิเช่น ชาเขียวพรีเมียม, ผงชาเขียวเชียงใหม่, ชาเขียวที่หอมที่สุดรสชาติเข้มข้น ชงชาเขียวนมทำชาเขียวปั่นแล้วอร่อยมาก, ชาเขียวมะลิสำหรับร้านไหนที่อยากได้ชาเขียวที่มีกลิ่นของดอกมะลิ, ชาแดงพรีเมียมสำหรับใช้ชงชาไทย ชามะนาว, ชาแดงโบราณที่เหมาะกับการทำชาชัก, หัวเชื้อชา หรือร้านไหนที่ขายชาไข่มุกก็ต้องใช้ชาไต้หวันพรีเมียม หรือแม้แต่ชาผลไม้, ชาดอกไม้, ก็สามารถเลือกใช้ ชาพีช, ชาเบอร์รี่, ชากุหลาบ, ชามะลิใส, ชาอัญชัน ตลอดจนไปถึงชาเขียวใส ชาสดที่ชงได้กับผลไม้สด และไซรัปหลากรสชาติ และอื่น ๆ อีกมากมาย
โรงงานผลิตชา Bluemocha ผลิตชา OEM&ODM ที่มีมาตรฐานรับรอง มีทีมงานดูแลทุกขั้นตอน ตั้งแต่เริ่มต้นให้คำปรึกษา จัดหาวัตถุดิบ ดูแลในส่วนของกระบวนการผลิต การบรรจุ ตลอดจนไปถึงการหาบริการขนส่งที่เหมาะสม เพื่อให้ถึงมือลูกค้าอย่างปลอดภัย และมีคุณภาพที่ดี สามารถผลิตชาได้หลากหลายชนิด ทั้งยังมีบริการรับพัฒนาสูตรชา และแกะสูตรชาได้ตามความต้องการของลูกค้า
โรงงานผลิตชา Bluemocha มีบริการที่ครบวงจร สามารถช่วยให้คุณเป็นเจ้าของธุรกิจได้ทันที เพราะเรารับผลิตชาหลากหลายชนิด และส่งออกชาไปต่างประเทศอีกด้วย Bluemocha เป็นโรงงานคั่วชาในจังหวัดเชียงใหม่ ที่รับผลผลิตในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ รวมถึงนำเข้าจากต่างประเทศ และโรงงานผ่านมาตรฐานสากล มีแหล่งวัตถุดิบที่มีคุณภาพ และมากมาย มีกำลังการผลิตที่สูง สามารถรองรับการผลิตตามออเดอร์ที่มีจำนวนเยอะได้พอสมควร ทำให้เราสามารถที่จะทำความต้องการของลูกค้าได้
หากสนใจทำแบรนด์กับ Bluemocha เรา เริ่มต้นทำแบรนด์ได้เลยเมื่อสั่งผลิต 51 กิโลกรัมขึ้นไป Bluemocha เรามีบริการ ออกแบบโลโก้ฟรี จดอย.ให้ฟรี เมื่อสั่งผลิต100 กิโลกรัมขึ้นไป ยื่นขอรับรองฮาลาล (HALAL) เมื่อสั่งผลิต 500 กิโลกรัมขึ้นไป, ปรับสูตรชาได้ตามความต้องการของลูกค้า, มีตัวอย่างให้ทดลองฟรี และยื่นขอใบสำหรับลูกค้าที่ต้องการส่งออกไปต่างประเทศ Bluemocha พร้อมให้บริการลูกค้าทุกท่าน
“Bluemocha เราคือ เพื่อนคู่คิด ผลิตใบชา ให้คำปรึกษาครบวงจร”
คำถามที่พบบ่อย“แฟรนไชส์”
แฟรนไชส์และเชนสโตร์แตกต่างกันอย่างไรในธุรกิจร้านกาแฟ ?
- แฟรนไชส์ คือการที่บริษัทแม่ให้สิทธิ์แก่บุคคลภายนอกในการเปิดสาขาโดยใช้แบรนด์และระบบของบริษัท แต่เชนสโตร์คือสาขาที่บริษัทแม่เปิดเองและบริหารจัดการทั้งหมด ทำให้บริษัทแม่มีการควบคุมคุณภาพและบริการได้มากกว่า
การเปิดร้านกาแฟแบบแฟรนไชส์มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง ?
- ค่าใช้จ่ายหลัก ๆ รวมถึงค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์ ค่าการอบรมและการสนับสนุน ค่าการออกแบบตกแต่งร้าน ค่าอุปกรณ์และเครื่องมือ รวมถึงค่าใช้จ่ายรายเดือนหรือส่วนแบ่งรายได้ที่ต้องส่งให้บริษัทแม่
ข้อดีและข้อเสียของการขยายร้านกาแฟแบบแฟรนไชส์มีอะไรบ้าง ?
- ข้อดี ต้นทุนการขยายต่ำ ขยายสาขาได้เร็ว มีรายได้จากค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์
- ข้อเสีย ควบคุมคุณภาพยาก ความเสี่ยงด้านชื่อเสียงหากแฟรนไชส์ซี่ทำผิดพลาด ต้องใช้เวลาหาแฟรนไชส์ซี่ที่มีคุณภาพ
ข้อดีและข้อเสียของการขยายร้านกาแฟแบบเชนสโตร์คืออะไร ?
- ข้อดี ควบคุมคุณภาพและมาตรฐานบริการได้ดี ภาพลักษณ์สม่ำเสมอ สร้างความน่าเชื่อถือในระยะยาว
- ข้อเสีย ต้นทุนการขยายสูง การขยายตัวช้ากว่าเพราะต้องลงทุนเองทั้งหมด ความเสี่ยงในการจัดการสูง
การเลือกเปิดร้านกาแฟแบบเชนสโตร์ต้องเตรียมตัวอย่างไร ?
- ต้องมีแผนการลงทุนและการบริหารที่ชัดเจน เตรียมทรัพยากรบุคคลในการจัดการแต่ละสาขาอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงระบบซัพพลายเชนเพื่อสนับสนุนการขยายตัวในแต่ละพื้นที่
แฟรนไชส์ร้านกาแฟเหมาะกับธุรกิจขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ ?
- แฟรนไชส์สามารถเหมาะได้ทั้งกับธุรกิจขนาดเล็กและใหญ่ แต่เหมาะกับเจ้าของธุรกิจที่ต้องการขยายตัวเร็วโดยไม่ต้องลงทุนเองทั้งหมด ธุรกิจขนาดเล็กสามารถเข้าถึงแฟรนไชส์ได้ง่ายขึ้น
เชนสโตร์ร้านกาแฟต้องใช้งบประมาณในการขยายสูงแค่ไหน ?
- งบประมาณในการขยายเชนสโตร์ค่อนข้างสูงเนื่องจากบริษัทแม่ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด รวมถึงค่าเช่าพื้นที่ ค่าตกแต่ง และค่าพนักงาน จึงต้องมีเงินทุนเพียงพอเพื่อรองรับการขยายในระยะยาว
การควบคุมคุณภาพในแฟรนไชส์และเชนสโตร์ต่างกันอย่างไร ?
- เชนสโตร์สามารถควบคุมคุณภาพได้ดีกว่าเพราะบริษัทแม่เป็นผู้ดูแลการจัดการเอง ในขณะที่แฟรนไชส์ควบคุมคุณภาพได้ยากกว่า เพราะแฟรนไชส์ซี่มีอิสระในการบริหารสาขาของตน
ธุรกิจร้านกาแฟที่ต้องการขยายตัวเร็ว ควรเลือกแฟรนไชส์หรือเชนสโตร์ ?
- แนะนำให้เลือกแฟรนไชส์ เนื่องจากสามารถกระจายความเสี่ยงและเพิ่มสาขาได้เร็วกว่าโดยที่บริษัทแม่ไม่ต้องลงทุนเองในทุกสาขา
การลงทุนแบบแฟรนไชส์หรือเชนสโตร์ แบบไหนช่วยเพิ่มรายได้ดีกว่ากัน ?
- หากต้องการรายได้ประจำและมีค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์ แนะนำแบบแฟรนไชส์ แต่หากต้องการรักษามาตรฐานและภาพลักษณ์ในระยะยาวเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ เชนสโตร์อาจเป็นทางเลือกที่ดี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์และเป้าหมายของบริษัท
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- Franchise Direct : แหล่งข้อมูลเกี่ยวกับแฟรนไชส์และการจัดการแฟรนไชส์ทั่วโลก (Franchise Direct)
- Entrepreneur.com : มีบทความที่เกี่ยวกับการเปิดธุรกิจในรูปแบบแฟรนไชส์และเชนสโตร์ (Entrepreneur)