“ราคากาแฟ-โกโก้” แพงขึ้น ร้านกาแฟ ผู้ผลิต ผู้บริโภค ปรับตัวอย่างไร?

ช่วงนี้เศรษฐกิจโลกผันผวน ทำให้สินค้าหลายอย่างราคาขึ้น “กาแฟ” กับ “โกโก้” ก็เป็นสินค้าที่ราคาขึ้นเยอะเหมือนกัน ของสองอย่างนี้สำคัญนะ เพราะเป็นวัตถุดิบหลักของเครื่องดื่ม ขนมหวานที่เรากินกันบ่อย ๆ ตอนนี้ราคาเมล็ดกาแฟอาราบิก้ากับเมล็ดโกโก้ในตลาดโลกสูงขึ้นมาก จนคนในวงการนี้เริ่มกังวลกัน ไม่ว่าจะเป็นคนปลูกกาแฟ โกโก้, ร้านกาแฟ, โรงงานที่เอาไปทำสินค้าต่าง ๆ, หรือแม้แต่คนทั่วไปอย่างเรา ๆ ที่ต้องจ่ายแพงขึ้น ปัญหา “ราคากาแฟ-โกโก้” ขึ้นนี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะ มันมีหลายสาเหตุเลย ทั้งอากาศที่เปลี่ยนไป, โรคในพืช, เรื่องขนส่ง, แล้วก็คนต้องการกินเยอะขึ้นด้วย บทความนี้จะมาเล่าให้ฟังว่าตอนนี้ราคาเมล็ดกาแฟ เมล็ดโกโก้เป็นยังไงบ้าง แล้วทำไมราคาถึงขึ้นไม่หยุด ร้านกาแฟ คนผลิต คนบริโภค จะเจอปัญหาอะไรบ้าง? แล้วเราจะปรับตัวรับมือกับเรื่องนี้ยังไงในปี 2025 และต่อ ๆ ไป เผื่อว่าทุกคนจะได้เตรียมตัวรับมือกับช่วงที่ยากลำบากนี้ไปด้วยกัน

- สถานการณ์ปัจจุบัน วิกฤต “ราคากาแฟ-โกโก้” โลกเป็นอย่างไร?
- แนวโน้มและอนาคต : “วิกฤตราคา” นี้จะอยู่กับเราไปอีกนานแค่ไหน?
สถานการณ์ปัจจุบัน วิกฤต “ราคากาแฟ-โกโก้” โลกเป็นอย่างไร ?

ช่วงนี้ ราคากาแฟ-โกโก้ ในตลาดโลกเนี่ย ต้องบอกว่าไม่ค่อยดีเลย ราคาสินค้าหลัก ๆ สองอย่างนี้ปรับตัวขึ้นมาเยอะในช่วงปีที่ผ่านมา แล้วก็ยังทรงๆ ตัวอยู่สูง ทำให้คนในวงการนี้ปวดหัวกันไปหมด ราคากาแฟอาราบิก้า ที่คนนิยมกินกันทั่วโลก ก็ขึ้นไปสูงมากเมื่อต้นปีที่แล้ว สูงสุดในรอบเกือบ 50 ปีเลยนะ ถึงแม้ว่าช่วงหลัง ๆ ราคาจะลงมาบ้างนิดหน่อย แต่ถ้าเทียบกับเมื่อก่อนก็ยังถือว่าแพงอยู่ดี ช่วงปลายปีที่แล้วต่อเนื่องมาถึงต้นปีนี้ ราคากาแฟอาราบิก้าในตลาดซื้อขายล่วงหน้าก็ยังขึ้น ๆ ลง ๆ แต่โดยรวมก็ยังสูงอยู่ดี แสดงว่าสถานการณ์มันยังไม่นิ่งจริง ๆ
ส่วนราคาโกโก้ นี่หนักกว่าอีก ราคาโกโก้ในตลาดโลกสร้างสถิติใหม่ไปแล้ว สูงสุดแบบที่ไม่เคยเห็นมาหลายสิบปี แล้วราคาก็ยังไม่หยุดขึ้นง่าย ๆ ด้วย สถานการณ์ราคาโกโก้นี่เลยน่าเป็นห่วงเป็นพิเศษ เพราะดูแล้วราคาน่าจะยังขึ้นได้อีก แล้วก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะกลับมาเป็นปกติเร็ว ๆ นี้ ราคากาแฟกับโกโก้ที่ทั้งผันผวนและแพงแบบนี้ ทำให้หลายๆ ธุรกิจเจอปัญหา แล้วก็ส่งผลกระทบถึงพวกเราคนกินด้วย ที่ต้องจ่ายเงินซื้อของที่ทำจากกาแฟและโกโก้แพงขึ้น
ทำไม “ราคากาแฟ-โกโก้” ถึงแพงขึ้นไม่หยุด ?
การที่ “ราคากาแฟ-โกโก้” พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นผลมาจากหลากหลายปัจจัย สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันเป็นเหมือนพายุที่สมบูรณ์แบบที่ถาโถมเข้าใส่ภาคอุตสาหกรรม เมื่อพิจารณาลงลึกถึงสาเหตุหลักที่อยู่เบื้องหลังวิกฤตราคาครั้งนี้ สามารถสรุปประเด็นสำคัญได้ดังนี้ :

1. สภาพอากาศแปรปรวนและภัยแล้ง
โลกมันร้อนขึ้น อากาศก็เลย เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา พื้นที่ปลูกกาแฟกับโกโก้ทั่วโลกเลยโดนผลกระทบเยอะ เอลนีโญ กับลานีญา ที่เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติก็รุนแรงขึ้น ทำให้อากาศไม่แน่นอน ฝนฟ้าก็กะเกณฑ์ยาก หลายประเทศที่ปลูกกาแฟกับโกโก้เยอะๆ เลยเจอภัยแล้ง นาน แล้วก็หนัก ทำให้ต้นกาแฟ โกโก้ขาดน้ำ ผลผลิตก็น้อยลงไปเยอะ บางที่ก็เจอฝนตกหนัก ผิดฤดู หรือไม่ก็น้ำท่วม ไร่สวนเสียหาย ผลผลิตที่กำลังจะเก็บเกี่ยวก็พัง
2. โรคระบาดและศัตรูพืช
นอกจากอากาศแย่ ๆ แล้ว ไร่กาแฟ ไร่โกโก้ ยังเจอปัญหา โรคระบาด กับแมลงศัตรูพืช เล่นงานอีก ยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลงไปอีก โดยเฉพาะ โกโก้ ที่แอฟริกาตะวันตก ซึ่งเป็นแหล่งปลูกโกโก้ใหญ่ของโลก เจอ โรค Cocoa Swollen Shoot Virus (CSSV) ระบาดหนัก ไวรัสตัวนี้ทำให้ต้นโกโก้อ่อนแอ ผลผลิตน้อยลง สุดท้ายต้นก็ตาย โรคนี้ระบาดเลยทำให้ผลผลิตโกโก้แถวนั้นลดฮวบฮาบ ยิ่งทำให้โกโก้ในตลาดโลกขาดแคลน ส่วน กาแฟ ก็มีปัญหา โรคราสนิม (Coffee Leaf Rust) กับ หนอนเจาะผลกาแฟ (Coffee Berry Borer) เหมือนกัน ที่ทำให้ผลผลิตเสียหายในหลายพื้นที่
3. ปัญหาการขนส่ง
เรื่องขนส่ง ก็เป็นอีกเรื่องที่ทำให้ ราคากาแฟ-โกโก้ ขึ้น สถานการณ์บ้านเมือง ในหลายๆ ที่ไม่ค่อยสงบ มีสงคราม ก็เลยกระทบถึงการขนส่งสินค้า ทำให้ค่าขนส่งแพงขึ้น ขนส่งนานขึ้น แล้วก็ไม่แน่ใจว่าจะส่งของได้ตามกำหนดหรือเปล่า ไหนจะปัญหาตู้คอนเทนเนอร์ กับเรือขนส่ง ที่ยังไม่หายดีอีก ก็ยิ่งทำให้เรื่องขนส่งยุ่งยาก ต้นทุนก็สูงขึ้นไปอีก พอจะเอาเข้า เอาออก เมล็ดกาแฟ เมล็ดโกโก้ ก็เลยลำบาก แถมแพงขึ้น
4. ต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น
ต้นทุนการผลิตกาแฟ-โกโก้ ที่แพงขึ้น ก็เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้ราคาขายต้องขึ้นตาม พวกปุ๋ย ยาฆ่าแมลง สารเคมี ต่าง ๆ ที่ใช้ในการเกษตร ราคาขึ้นมาเยอะช่วงนี้ เพราะพวกพลังงาน วัตถุดิบที่เอามาทำปุ๋ย ทำเคมีมันแพงขึ้น แถมค่าแรง คนงานในไร่ในสวนก็มีแต่จะสูงขึ้นตามเศรษฐกิจ พวกต้นทุนที่ว่ามานี่ก็เลยเป็นภาระของชาวไร่ ชาวสวน ทำให้ต้องขายผลผลิตแพงขึ้นถึงจะอยู่ได้
5. ความต้องการบริโภคที่เติบโต
ในขณะที่ผลผลิตกาแฟ โกโก้มีปัญหา แต่คนทั่วโลกกลับ อยากกินกาแฟ กินโกโก้มากขึ้น เรื่อย ๆ โดยเฉพาะตลาดใหม่ ๆ อย่างเอเชีย กับแอฟริกา คนชั้นกลางในประเทศพวกนี้มีเงินมากขึ้น ก็เลยหันมากินกาแฟ กินโกโก้กันเยอะขึ้น ตลาดใหม่ๆ โตเร็ว ทำให้ความต้องการกาแฟ โกโก้ในตลาดโลกสูงขึ้น พอของมันมีน้อยลง แต่คนอยากได้มากขึ้น “ราคากาแฟ-โกโก้” มันก็เลยต้องขึ้นตามกลไกตลาด
หลาย ๆ ปัจจัยที่ว่ามารวมกัน มันก็เลยกลายเป็นวิกฤตราคา ที่แก้ยาก “ราคากาแฟ-โกโก้” ที่ขึ้นไม่หยุดแบบนี้ ก็เลยเป็นผลมาจากการผสมโรงของปัญหาหลายด้าน ทั้งเรื่องธรรมชาติ เศรษฐกิจ สังคม ที่กระทบวงการนี้ไปหมด
ผลกระทบกับ “ร้านกาแฟ” : วิกฤตต้นทุน ที่ร้านต้องหาทางเอาตัวรอด
“ราคากาแฟ-โกโก้” แพงขึ้น ร้านกาแฟเจอปัญหาต้นทุนพุ่ง ต้องรีบปรับตัวด่วน ๆ ถ้าอยากอยู่รอดและทำกำไรได้ ต้นทุนวัตถุดิบแพงขึ้นหมด ทั้งเมล็ดกาแฟ โกโก้ นม น้ำตาล บรรจุภัณฑ์ ร้านกาแฟเลยต้องหาทางออก
Thesixsaturday แนะนำ
- คุมต้นทุน ให้ดี ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น ต่อรองราคากับ supplier
- ปรับเมนู ลดเมนูที่ใช้กาแฟ โกโก้เยอะ เพิ่มเมนูทางเลือก หรือเมนู plant-based
- เพิ่มคุณค่าร้าน เน้นคุณภาพ บริการ บรรยากาศ ทำโปรแกรม loyalty ขายของที่ระลึก
- ปรับขนาดแก้ว หรือปริมาณเสิร์ฟลงบ้าง ถ้าจำเป็น
- จัดโปรโมชั่น ในเมนูที่ต้นทุนไม่สูงนัก หรือร่วมมือกับ partner
ร้านกาแฟที่ปรับตัวเก่ง คิดสร้างสรรค์ บริหารร้านดี ๆ จะผ่านช่วงยากลำบากนี้ไปได้ แถมยังปังได้อีกนาน
ผลกระทบต่อ “ผู้ผลิต” : มีทั้งเรื่องยาก แต่ก็มีโอกาสให้พัฒนาตัวเองนะ
วิกฤต “ราคากาแฟ-โกโก้” ไม่กระทบแค่ร้านกาแฟ คนกิน คนปลูกก็โดนเหมือนกัน ถึงราคาขายเหมือนจะดี แต่จริงๆ ชีวิตชาวไร่ช่วงนี้ไม่ง่าย เจอทั้งเรื่องท้าทาย ไม่แน่นอน แถมต้องปรับตัวเยอะ ราคาสูงขึ้นเหมือนมีโอกาส แต่ก็ผันผวน ต้นทุนการผลิตก็แพงขึ้น เจอเรื่องอากาศแปรปรวนอีก แต่
Thesixsaturday แนะนำ
- แปรรูป ผลผลิต เพิ่มมูลค่า ทำกาแฟคั่วบด โกโก้ผง
- รวมกลุ่ม เป็นสหกรณ์ ช่วยกันซื้อ ช่วยกันขาย แบ่งปันความรู้
- ปลูกแบบยั่งยืน เกษตรอินทรีย์ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
- สร้างแบรนด์ ขายเอง เข้าถึงลูกค้าโดยตรง
ชาวไร่ที่ปรับตัวเก่ง พัฒนาตัวเองได้ จะผ่านวิกฤตไปได้ แถมยังสร้างความเข้มแข็งให้ตัวเองได้อีก
ผลกระทบต่อ “ผู้บริโภค” : รับมือ “กาแฟ-โกโก้” แพง ในชีวิตประจำวัน
ในท้ายที่สุดแล้ว ผลกระทบจากวิกฤต ราคากาแฟ-โกโก้ ที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก็ย่อมส่งผ่านมาถึง “ผู้บริโภค” อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นคอกาแฟตัวยง ผู้ที่ชื่นชอบช็อกโกแลต หรือผู้ที่บริโภคผลิตภัณฑ์ที่มี”ราคากาแฟ-โกโก้” แพงขึ้น คนกินก็ต้องปรับตัวเหมือนกัน ของแพงขึ้น ค่าครองชีพสูงขึ้น แต่ก็มีทางเลือกให้รับมือได้นะ
Thesixsaturday แนะนำ
- ลดปริมาณ กินกาแฟ โกโก้ให้น้อยลง
- เปลี่ยนพฤติกรรม ดื่มกาแฟ โกโก้ที่บ้าน ทำขนมเอง พกเครื่องดื่มไปทำงาน
- มองหาทางเลือกอื่น ลองชา น้ำผลไม้ ขนมไทย ผลไม้สด
- เน้นคุณภาพ มากกว่าปริมาณ เลือกกาแฟพิเศษ ช็อกโกแลตดีๆ กินแต่พอน้อยลง
- สนับสนุนแบรนด์ยั่งยืน แบรนด์ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ช่วยเหลือเกษตรกร
ปรับตัวกันไป เลือกทางที่เหมาะกับตัวเอง ถึงของจะแพงขึ้น ก็ยังดื่มด่ำกับกาแฟ โกโก้ที่ชอบได้ ในแบบที่ยั่งยืนและสมเหตุสมผล
แนวโน้มและอนาคต : “วิกฤตราคา” นี้จะอยู่กับเราไปอีกนานแค่ไหน ?
หลายคนคงอยากรู้ว่า “วิกฤตราคากาแฟ-โกโก้” ที่เจอกันอยู่นี่ มันจะอยู่กับเราไปอีกนานแค่ไหน? ราคาจะขึ้นไปอีกเรื่อย ๆ หรือจะลงมาบ้างไหม? คือเรื่องอนาคตตลาดสินค้าพวกนี้ โดยเฉพาะของเกษตร มันก็เปลี่ยนไปมา ควบคุมยาก แต่ถ้าดูจากสถานการณ์ตอนนี้ แล้วก็แนวโน้มภาพรวม แนวโน้มราคา อนาคตกาแฟ-โกโก้ ได้ประมาณนี้ :

นักวิเคราะห์หลายเจ้าว่ากันว่า “ราคาเมล็ดกาแฟ-เมล็ดโกโก้” ระยะกลาง ถึงยาว มันจะยังผันผวน แล้วก็มีแววทรงตัวสูง อยู่อีกพักใหญ่ ๆ ถึงอาจจะมีช่วงราคาลงบ้าง แต่คงไม่ลงไปเท่าเมื่อก่อนเร็ว ๆ นี้ ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น? ก็เพราะปัญหาเดิม ๆ มันยังอยู่ผลผลิตมีปัญหา, อากาศแย่, โรคพืชระบาด, ขนส่งก็ยังยุ่งยาก, โลกร้อน ก็ยังเป็นเรื่องใหญ่ที่แก้ไม่ได้ง่าย ๆ อากาศเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย โรคระบาดก็อาจจะมาอีกเมื่อไหร่ก็ได้ เรื่องขนส่งก็อาจจะดีขึ้นบ้าง แต่ก็ยังไม่แน่นอน อาจจะมีปัญหาใหม่ ๆ โผล่มาอีกก็ได้
นอกจากปัญหาเรื่องผลผลิตแล้ว ยังมีเรื่องเสี่ยงอื่น ๆ ที่อาจจะทำให้ “ราคากาแฟ-โกโก้” เปลี่ยนไปได้อีกที่เราต้องจับตาดูกันใกล้ ๆ ก็มี :
- เศรษฐกิจโลก : ถ้าเศรษฐกิจโลกมันไม่ค่อยดี ชะลอตัว หรือแย่ลง คนก็อาจจะซื้อกาแฟ โกโก้กินน้อยลง เพราะของพวกนี้มันก็ถือเป็นของฟุ่มเฟือยอย่างนึง พอคนซื้อน้อยลง ราคาในตลาดโลกก็อาจจะลงได้
- ค่าเงิน : ค่าเงินแต่ละประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่ปลูก กับประเทศที่ซื้อเยอะ ๆ มีผลต่อราคาเหมือนกัน ถ้าค่าเงินผันผวน ราคาก็อาจจะขึ้น ๆ ลง ๆ ในแต่ละประเทศได้
- นโยบายรัฐบาล : รัฐบาลแต่ละประเทศ ทั้งประเทศที่ปลูก ประเทศที่ซื้อนโยบาย เค้าก็มีผลต่อราคาเหมือนกัน นโยบายช่วยคนปลูก ช่วยคนส่งออก หรือนโยบายนำเข้า มันก็กระทบตลาดได้หมด
- คนเปลี่ยนใจ : คนเราชอบอะไรไม่เหมือนเดิม ความนิยมเครื่องดื่ม ขนมหวาน มันก็เปลี่ยนไปได้เรื่อย ๆ ถ้าคนไม่ฮิตกาแฟ โกโก้แล้ว ความต้องการมันน้อยลง ราคามันก็อาจจะลงได้เหมือนกัน
ดูจากแนวโน้มที่ว่ามาวิกฤตราคากาแฟ-โกโก้ ตอนนี้อาจจะไม่ใช่แค่แป๊บ ๆ แต่มันอาจจะเป็นเรื่องยาว ๆ ที่วงการนี้ต้องเจอ ทุกคนในวงการเลยต้องปรับตัวหาทางเอาตัวรอด โตไปแบบยั่งยืนในระยะยาว แก้ปัญหาเฉพาะหน้าอย่างเดียว อาจจะไม่พอต้องวางแผนปรับตัว แบบเน้นความยั่งยืนถึงจะรอด
คนปลูกก็ต้องปลูกแบบยั่งยืน ดูแลสิ่งแวดล้อม ทำไร่ให้มีประสิทธิภาพ ลดต้นทุน ลดเสี่ยงเรื่องอากาศ หารายได้ให้มั่นคง รวมกลุ่มช่วยกันก็สำคัญจะได้เข้มแข็งขึ้น ต่อรองได้มากขึ้น ร้านกาแฟก็ต้องคุมต้นทุนเก่ง ๆ ทำเมนูให้หลากหลาย สร้างความพิเศษให้ร้าน ดึงลูกค้าใส่ใจสิ่งแวดล้อม ความยั่งยืนก็เป็นจุดขายที่ดีได้ คนบริโภคอย่างเรา ๆ ก็ต้องปรับพฤติกรรมการกิน กินแต่พอดี หาทางเลือกอื่นบ้าง เน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ สนับสนุนสินค้าจากแบรนด์ที่ใส่ใจความยั่งยืนก็เป็นทางเลือกที่ดี วิกฤตราคากาแฟ-โกโก้ ตอนนี้มันซับซ้อนผันผวน แล้วก็น่าจะสูงไปอีกพักใหญ่ ทุกคนในวงการต้องปรับตัว ช่วยกันสู้ ๆ เราจะได้ผ่านวิกฤตนี้ไปได้ แล้วก็สร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้วงการกาแฟ-โกโก้ แล้วก็คนบริโภคทั่วโลก

บทความที่เกี่ยวข้อง

โรงงานชาของ Bluemocha รับผลิตโกโก้-กาแฟ รับสร้างแบรนด์ชา รับพัฒนาสูตรชาตามที่ลูกค้าต้องการ เรารับผลิต OEM&ODM ขายส่งราคาโรงงาน จำหน่ายปลีกเราก็มี และเป็นแหล่งขายชา เรามีสินค้ามากกว่า 50 รายการ และนำเข้าชาจากต่างประเทศ เพื่อให้ลูกค้าได้สินค้าที่มีคุณภาพ เราสามารถที่จะนำชาไปแปรรูปได้ เรามีบริการส่งชาให้โรงงานอุตสาหกรรม ผู้ที่ประกอบโรงงานอุตสาหกรรม หากสนใจสามารถทัก มาสอบถาม Bluemocha ได้
- เหมาะมากสำหรับใครที่อยากเป็นเจ้าของแบรนด์โกโก้-กาแฟ แต่ไม่มีประสบการณ์ ไม่มีทุนในการทำโรงงาน
- ไม่ต้องเสียเงินทุนเยอะในการสร้างโรงงานเอง แถมยังจำกัดวงเงินการผลิตได้
- เลือกสั่งผลิตชาที่มีอยู่แล้ว หรือพัฒนาสูตรชา คิดสูตรใหม่ได้เช่นกัน ให้ได้ชาที่มีกลิ่นรสชาติเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร
- ออกแบบโลโก้แบรนด์ บรรจุภัณฑ์ ให้ฟรี
- โรงงานเรามีบริการรับยื่นขอ อย. และจัดส่งให้ฟรีให้อีกด้วย
- มีบริการส่งออกผงชาไปต่างประเทศ สำหรับผู้ที่อยากทำแบรนด์ส่งออก
- เรามีวัตถุดิบในสต๊อก พร้อมจัดส่ง ไม่ต้องรอนาน
- มีเรทราคาพิเศษตั้งแต่ 6 กิโลกรัมขึ้นไป รับทำแบรนด์เริ่มต้นที่ 51 กิโลกรัม
- รับสิทธิพิเศษมากมาย ไม่ว่าจะเป็น สินค้าสมนาคุณ และสินค้าโปรโมชั่นตลอดทั้งปี
มีคอร์สสอนชงกาแฟและเปิดร้านให้เรียนได้ไม่จำกัดครั้ง
หากสนใจทำแบรนด์กับ Bluemocha เริ่มต้นทำแบรนด์ได้เลยเมื่อสั่งผลิต 51 กิโลกรัมขึ้นไป Bluemocha มีบริการ ออกแบบโลโก้ฟรี จดอย.ให้ฟรี เมื่อสั่งผลิต100 กิโลกรัมขึ้นไป ยื่นขอรับรองฮาลาล (HALAL) เมื่อสั่งผลิต 500 กิโลกรัมขึ้นไป, ปรับสูตรชาได้ตามความต้องการของลูกค้า, มีตัวอย่างให้ทดลองฟรี และยื่นขอใบสำหรับลูกค้าที่ต้องการส่งออกไปต่างประเทศ

“Bluemocha คือ เพื่อนคู่คิด ผลิตใบชา ให้คำปรึกษาครบวงจร”
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ – DITP : https://www.ditp.go.th
- ฐานธุรกิจ : https://www.thansettakij.com